วันเสาร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

Made in Syria


กำลังเล่าเรื่องทริปอิตาลีเพลินๆ เห็นข่าวเศร้าสะเทือนใจแล้ว...อดไม่ได้ที่จะเขียนถึงประเทศสำคัญแห่งหนึ่งในชีวิตเราสักหน่อยนะคะ

พวกเธอเคยสงสัยกันไหมว่าทำไมเราตั้งชื่อลุกว่า “ซีเรีย” อ๊ะ อ๊ะ ไม่ใช่ Made in Syria อย่างที่หลายๆ คนสงสัยนะคะ ก็ใช่นะที่เราสองคนไปเที่ยวซีเรียก่อนที่จะมีซีเรีย แต่ก็กลับมาเมืองไทยก่อนที่จะตั้งท้องถึงสองเดือน ดังนั้นไม่ใช่นะจ๊ะ ไม่ใช่ เหตุผลที่เลือกชื่อนี้ให้ลูกชายคนแรกก็เพราะซีเรียสร้างความทรงจำดีๆ แก่ชีวิตเราทั้งคู่มากมาย ทำให้คำอธิษฐานของฉันเป็นจริง ทำให้มุมมองเกี่ยวกับการหยิบยื่นความช่วยเหลือแก่กัน น้ำใจ มิตรภาพ ความซื่อสัตย์ คนแปลกหน้า เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง

เราสองคนเลือกไปเที่ยวซีเรียเหตุเพราะคำพูดของไกด์เมื่อยามเราไปเยือนจอร์แดนว่า “ที่นี่ (จอร์แดน) มีที่เที่ยวไม่มากนักเมื่อเทียบกับซีเรีย ซีเรียมีอะไรให้ดูเยอะมาก เที่ยวสองอาทิตย์ก็ไม่หมด” คำพูดนี้ฝังใจฉันมากจนกระทั่งยอมเปลี่ยนแผนการที่จะไปอิหร่านมาเป็นซีเรียแทน ทั้งๆ ที่คุณสามีก็เตือนแล้วเตือนอีกว่าทำวีซ่าลำบากนะ ปัญหาเยอะ เพื่อนพ้องคนอื่นๆ ก็ด่าว่าแกจะบ้าเหรอ ไปประเทศอะไรเนี่ย เดี๋ยวก็โดนลักพาตัวหรอก แต่ฉันก็ยังดื้อรั้งดึงดันจะไปให้ได้ ทำทุกทางเพื่อฝ่าฟันกับความไม่มีหลักเกณฑ์ไร้ระเบียบจนกระทั่งได้วีซ่ามาอยู่ในมือพร้อมเดินทาง สามีเห็นความตั้งใจและความบ้าของฉันก็เลยต้องยอมตกลงปลงใจไปด้วยกัน

เมื่อเท้าเหยียบพื้นดินที่สนามบิน ก็ประสบปัญหาเลยคือคนขับรถที่นัดกันไว้ไม่มารับ เรานั่งรออยู่ที่สนามบินนานมาก นั่งจ๋องๆ เป็นชาวต่างชาติหน้าตาประหลาดหงอยๆ สองคน ฉันเองก็จ๋อยอย่างหนักเพราะสามีด่าว่าประสานงานยังไง บอกแล้วว่าอย่าไว้ใจประเทศด้อยพัฒนา บลา บลา... ระหว่างที่จ๋อยๆ อยู่ก็มีคนแปลกหน้าผู้ใจดีหยิบยื่นโทรศัพท์มือถือให้โทรติดต่อเจ้าของห้องที่เราจองไว้ ซึ่งเมื่อได้รู้เรื่องว่ารถที่นัดไว้ไม่มารับก็รีบขับรถมาหาเราทันที ฉันเหมือนยกภูเขาออกจากอกที่หาทางเข้าเมืองได้สักที...

เมื่อได้สำรวจเมืองดามัสกัสก็ตื่นตาตื่นใจอย่างมากกับเมืองเก่าแก่สวยงาม ซุค (Souq) หรือตลาดในภาษาอารบิกที่มีอายุกว่าพันปีที่กว้างขวางอลังการมีขายตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ ยาวคดเคี้ยวทอดตัวอยู่ในกำแพงเมืองเหมือนเขาวงกต ชาวเมืองผู้มีน้ำใจกับคนแปลกหน้า มัสยิดอุมัยยะฮ์ (Umayyad Mosque) หรือ Great Mosque of Damascus ที่มีความสำคัญในลำดับสี่ของศาสนาอิสลามและถือว่าเป็นมัสยิดที่มีความเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เป็นมัสยิดที่ใหญ่โตและสวยงามมาก ชาวอิสลามที่นี่ก็น่ารักอนุญาตให้สตรีแปลกหน้าต่างศาสนาเข้าไปสักการะและเยี่ยมชมด้านในได้อย่างไม่หวงห้าม ยินดีให้เรานั่งเงียบๆ สังเกตุผู้คนทั้งเด็กและผู้ใหญ่ผู้มีศรัทธานั่งอ่านพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ รอยยิ้มที่มีให้กับเราสดใสกระจ่างตา ดวงตาแห่งศรัทธาที่มีให้กับองค์อัลเลาะห์ก็ส่งแสงแรงกล้าไม่แพ้กัน.....

ในตอนแรกเราสองคนนึกว่า ณ ดินแดนแห่งนี้ที่ประชาชนส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลามต้องเคร่งศาสนามากแน่แต่ไม่ใช่เลย ผู้คนที่นี้อยู่ร่วมกันอย่างร่มเย็นเป็นสุข ชายผู้ที่เราแวะเวียนไปเยี่ยมชมกิจการร้านพรมแสนสวยบ่อยๆ เป็นอิสลามแต่ก็ร่วมบริจาคเงินบรูณะโบสถ์คริสต์ ชุมชนคริสต์กับอิสลามก็ติดกัน สาวๆ มุสลิมไม่ได้คลุมหน้า สถานที่ท่องเที่ยวที่คนที่นี่รักและดูแลเป็นอย่างดีไม่ต่างจากมัสยิดใหญ่แห่งดามัสกัสคือโบสถ์แห่งเมืองมาลูล่า (Maloula) ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เก่าแก่ของชาวคริสต์ สำหรับที่มาลูล่า ฉันยกไว้ว่าเป็นสถานที่สุดพิเศษแห่งหนึ่งในชีวิต เพราะที่นี่ผู้คนสามารถพูดภาษาอารมายัค (Aramaic) – ภาษาเดียวกับพระเยซูเจ้าได้ (ภาษาที่ใช้ในหนัง The Passion of the Christ) ฉันได้ฟังสวดด้วยภาษานี้แล้วซาบซึ้งในความพยายามดำรงอยู่โดยไม่สูญสลายไปไหนของภาษาและผู้คนที่อนุรักษ์มันไว้เป็นอย่างมาก
นอกจากโบราณสถานมากมายอายุหลายพันปีที่มีอยู่กระจัดกระจายทั่วประเทศแล้ว ซีเรียยังมีเมืองให้เที่ยวริมทะเลชิลๆ อย่างลาตาเกีย (Latakia) มีไอศกรีมแสนอร่อยระดับฮาเก้นดาสแต่ราคาลูกละ 10 บาท ที่แต่เราสองคนประทับใจที่สุดคงจะเป็นความมีน้ำใจ -- hospitality ของชาวซีเรียนี่แหละ ที่เราไม่เคยพบเห็นที่ไหนในโลกมาก่อน (คำนวณจากการท่องเที่ยวมาแล้วหลายประเทศมากของคุณสามี) เราได้กินไอติมฟรียามเมื่อไปเที่ยวทะเลเพราะเจ้าของร้านบอกว่าอยากเลี้ยงแขกแปลกหน้าผู้มาเยี่ยมบ้าน ถูกชวนด้วยภาษามือไปดื่มกาแฟที่บ้านเพราะเจ้าของบ้านถือคติต้องต้อนรับผู้มาเยือนให้ดีประดุจญาติมิตร ทานอาหารฟรีที่ร้านหน้าที่พักก่อนกลับเมืองไทยเพราะเจ้าของร้านอยากเลี้ยงส่ง ได้เพื่อนในตลาดทั้งที่ดามัสกัลและอเลปโป (Aleppo) – เพื่อนในที่นี้หมายถึงเพื่อนจริงๆเพื่อนเจ้าของร้านขายเม็ดกาแฟที่คุยกันถูกคอที่ให้ความรู้เรื่องกาแฟกับเรามากมาย เพื่อนที่พอรู้ว่าฉันอยากมีลูกมากว่าห้าปีแล้วแต่ไม่มีเสียที ก็เสนอตัวให้ใช้บัตรประกันสุขภาพที่ออสเตรเลีย (ที่เค้าเคยไปทำงาน) ให้ฉันปวารณาตัวเป็นคนในครอบครัวแล้วเอาไปใช้ฟรีเลยหรือจะให้ช่วยยังไงก็บอก เพื่อนวัยรุ่นที่ลากแขนฉันไปเที่ยวย่านละแวกบ้านในเขตเมืองเก่าอเลปโป โดยโฆษณาสรรพคุณเสร็จสรรพว่าย่านนี้ไม่มีคนรู้จัก นักท่องเที่ยวไม่ค่อยมา แต่มีมัสยิดที่ศักดิ์สิทธิ์มากตั้งอยู่ เด็กหนุ่มคนนี้พาเราสองคนลัดเลาะเมืองไปตามซอกเล็กซอกน้อยจนมาพบกับมัสยิดเล็กๆ แห่งหนึ่ง หนุ่มน้อยเล่าด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจว่านี่คือมัสยิดที่มีรอยเท้าของท่านนบีโมฮัมมัดฝังอยู่และมีน้ำไหลผ่านรอยจารึก เด็กหนุ่มเพื่อนเรายังเล่าต่อไปว่าใครดื่มน้ำนี้ไปแล้วอธิษฐานไม่ว่าเรื่องใดก็จะสมประสงค์ แล้วเขาก็ลากพวกเรามาถึงสถานที่จริงเมื่อจบเรื่องเล่าพอดี แต่เวลาก็ช่างประจวบเหมาะเพราะเมื่อมาถึงเป็นเวลาละหมาดและมัสยิดนี้เป็นมัสยิดเล็กๆ ไม่ต้อนรับผู้หญิงในยามที่ปฏิบัติภารกิจทางศาสนา อิหม่ามไม่อนุญาตให้ฉันเข้า เอาล่ะสิ แต่เพื่อนแสนดีของเราก็ไม่ยอมแพ้ อ้อนวอนท่านอิหม่ามให้ใจอ่อนจนยอมให้ฉันดื่มน้ำศักดิ์สิทธิ์จนได้ หนุ่มน้อยยัดเยียดถ้วยน้ำเย็นๆ ใส่มือของฉันแล้วเร่งด้วยน้ำเสียงรีบร้อนว่า “ดื่มเร็วๆๆ อย่าลืมคำอธิษฐานด้วยนะ เค้าไล่ให้ออกไปแล้ว เร็วๆ” เมื่อเข้าสู่สถานการณ์บังคับ ฉันผู้ซึ่งไม่เคยอยากได้อะไรเป็นพิเศษก็คิดอะไรไม่ออกเลยว่าจะอยากได้อะไรดี แต่พ่อหนุ่มก็เร่งซะเหลือเกิน เอางี้แล้วกัน ฉันคิด อธิษฐานของให้มีลูกก็แล้วกัน ฉันหลับตาแล้วก็ดื่มน้ำศักดิ์สิทธิ์เย็นๆ ลงกระเพาะไป..................หลังจากนั้นอีกสองเดือนฉันก็ได้สิ่งมีชีวิตมาอยู่ในท้องจริงๆ จะว่าบังเอิญหรืออะไรก็ไม่สามารถจะรู้ได้ แต่เรื่องนี้ก็กลายเป็นที่มาของชื่อ “ซีเรีย” ที่ทุกคนเรียกกัน
.
.
.
ชาวซีเรียเป็นผู้คนที่มีน้ำใจ มีใบหน้าเปื้อนยิ้ม อารมณ์ดีและมีความสุข บ้านเมืองสวยงาม มีที่ท่องเที่ยวมากมาย มีอาชีพไม่ได้ยากจนข้นแค้น มีทรัพยากรมากมาย สามารถปลูกพืชได้หลากหลาย มีวัฒนธรรมสืบทอดมายาวนานกว่าหลายพันปี เค้าทั้งหลายไม่ได้อยากทิ้งบ้าน ไม่อยากระหกระเหเร่ร่อนไปในดินแดนที่ไม่รู้จัก ไปในที่ที่ผู้คนไม่ต้อนรับและสาปส่ง ไม่ได้อยากลงเรือลอยไปกลางทะเลโดยไม่รู้จุดหมาย แต่เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างในบ้านมันพังพินาศจนไม่เหลือเค้าเดิมแล้ว พวกเค้าก็เพียงแค่อยากเก็บรักษาแสงวิบวับในประกายตา เสียงหัวเราะและรอยยิ้มบนใบหน้าของลูกน้อยและคนที่เค้ารักไว้ให้ได้นานที่สุดเพียงเท่านั้น ถ้าบ้านของฉันมีแต่เสียงระเบิดทดแทนเสียงละหมาด เสียงกรีดร้องทดแทนเสียงร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า มีแต่ไฟที่เผาผลาญความงดงามที่เคยมีในอดีตให้หมดสิ้น...ราพณาสูรไปเสียวอดวายแล้ว ฉันเองก็คงเลือกทางเดินได้ไม่ต่างกัน ฉันเองก็คงหวังถึงน้ำบ่อหน้า หวังถึงดินแดนอื่นที่จะปลอดภัย หวังให้มีอาหารกินอิ่ม หลับสนิท มีร่างกายครบสามสิบสอง มีเพื่อนที่มีน้ำใจที่หยิบยื่นความช่วยเหลือดั่งสมควรที่มนุษย์จะพึงมีให้กันเหมือนดั่งที่พวกเค้ามีต่อเพื่อนผู้มาเยือนในอดีต หวังว่าผู้คนจะเข้าใจว่าเขตแดนเป็นแค่เรื่องสมมุติ หวังว่าความบ้าคลั่งนี้จะจบลงเสียที ฉันว่าเพื่อนของฉันเหล่านี้มีสิทธิ์จะแสวงหาดินแดนนั้นและมีสิทธิ์ที่จะหวังไม่ใช่หรือ...........

หวังว่าเพื่อนทุกคนของฉันมีจะมีชีวิตรอดและปลอดภัย

https://www.facebook.com/travelmakesushumble/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Disqus Shortname

Comments system