วันอังคารที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

บุคคลที่อัลลอฮฺไม่พึงพอใจอย่างยิ่ง


บุคคล 3 ประเภทที่อัลลอฮฺไม่พึงพอใจอย่างยิ่ง คือ
1
.บุคคลที่นำเรื่องราวความเสียหายนำไปบอกต่อ
2
. บุคคลที่สร้างความแตกแยกระหว่างผู้ที่รักกัน
3
.บุคคลที่ปราถนาไม่ดีแก่คนอื่นให้เขาได้รับความทุกข์ยากลำบาก
أَبْغَضَكُمْ إلى الله الْمَشَّاءُونَ بِالنَّمِيمَةِ، الْمُفَرِّقُونَ بَيْنَ الأَحِبَّةِ، الْمُلْتَمِسُونَ لِلْبُرَآءِ الْعَنَتَ
الراوي:أبو هريرة المحدث:الألباني المصدر:السلسلة الصحيحة الجزء أو الصفحة:2/378 حكم المحدث:له شواهد كثيرة يرقى بها إلى درجة الحسن


วันจันทร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ดุอาอฺเสริมหลังจากรูกูอ


หะดีษที่ 9
كُنَّا نُصَلِّيْ يَوْماً وَرَاءَ النَّبِيِّ   فَلَمَّا رَفَعَ رَأْسَهُ مِنَ الرَّكْعَةِ قَالَ: (سَمِعَ اللهُ لِمَنْ حَمِدَه) ،قَالَ رَجُلٌ: رَبَّنَا وَلَكَ الْحَمْدُ حَمْداً كَثِيْرا ًطَيِّباً مُبَارَكاً فِيْهِ. فَلَمَّاا نْصَرَفَ قَالَ: (مَن المُتكلِّم ؟) قَالَ: أَناَ ، قَالَ: (رَأَيْتُ بِضْعَةً وَثَلَاثِيْنَ مَلَكاً يَبْتَدِرُوْنَهَا، أيُّهُم يَكْتُبْهَا أَوَّلُ )  
صحيح البخاري
ความหมาย เรากำลังละหมาดอยู่กับท่านนบี   วันหนึ่ง เมื่อท่านนบี   ได้เงยขึ้นจากรุกัวอฺและกล่าวว่า สะมิอัลลอฮุลิมันฮะมิดะฮฺ มีชายคนหนึ่งกล่าวเสียงดังว่า “โอ้พระผู้อภิบาลของเรา แท้จริงการสรรเสริญเป็นกรรมสิทธิ์แห่งพระองค์ท่านเท่านั้น เป็นการสรรเสริญอันมากมาย ดีงาม และมีความจำเริญ” เมื่อละหมาดเสร็จแล้วท่านนบี   ได้ถามว่าใครที่กล่าวการสรรเสริญเมื่อสักครู่นี้ ชายคนนั้นบอกว่า ฉันเอง ท่านนบี   กล่าวว่า “ฉันเห็นมลาอิกะฮฺ 30 กว่าท่านรีบบันทึกคำสรรเสริญอันนี้เพื่อเป็นผู้แรกในการบันทึก ”
http://www.islaminthailand.org/dp6/book/export/html/1964


วันอาทิตย์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ดุอาอฺเสริมขณะรุกูอฺและซุญูด



ดุอาอฺเสริมขณะรุกูอฺและซุญูด
عَنْ عَائِشَةَ رَضِيَ اللَّهُ عَنْهَا أَنَّهَا قَالَتْ : كَانَ النَّبِيُّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ يُكْثِرُ أَنْ يَقُولَ فِي رُكُوعِهِ وَسُجُودِهِ : سُبْحَانَكَ اللَّهُمَّ رَبَّنَا وَبِحَمْدِكَ ، اللَّهُمَّ اغْفِرْ لِي .
 رواه البخاري ( 761 ) ومسلم ( 484 ) .
รายงานจากหญิงอาอีชะฮฺ(ร.ฎ)กล่าวว่า ท่านรอซูล(ซ.ล)จะมากในการกล่าวขณะรูกูอฺและซูญูด ด้วยกับกล่าวที่ต่อไปนี้คือ
سُبْحَانَكَ اللَّهُمَّ رَبَّنَا وَبِحَمْدِكَ ، اللَّهُمَّ اغْفِرْ لِي
คำอ่าน สุบหานะกัลลอฮุมมะ ร็อบบะนา วะบิหัมดิกะ อัลลอฮุมมัฆฟิรฺลี
มหาบริสุทธิ์ยิ่งโอ้พระผู้อภิบาลแห่งเรา
และด้วยการสรรเสริญพระองค์ได้โปรดประทานอภัยโทษแก่ข้าพระองค์ด้วยเถิด

(มุตตะฟะกุน อะลัยฮฺ โดยมีบันทึกในอัล-บุคอรีย์เลขที่ : 794 และมุสลิม เลขที่ : 484)

วันศุกร์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ต่อสู้เพื่ออาคีรัต


ทุกวันนี้เราต่อสู้เพื่อดุนยา 
มากกว่าที่จะต่อสู้เพื่ออาคีรัต
ซุฟอัม อุษมาน
ที่มา https://www.youtube.com/watch?v=W_iGwPdyz1g&index=3&list=PLIVfNoH74Fp2WHwiMnTPC7czSWByPGAgE

วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

รักในการอิสติฆฟาร


ท่านนบีคือบุคคลที่ปราศจากบาปใดๆ
แต่ท่านกลับรักในการอิสติฆฟาร
จนท่านเองอิสติฆฟาร 70-100 ครั้งต่อวัน
แต่เราผู้ที่มีแต่บาป กลับไม่รักในการอิสติฆฟาร
ชัยคฺ อิสมาอีลลุตฟี จะปะกียา
ที่มา https://www.youtube.com/watch?v=See4QyH4heE

วันเสาร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

เหตุการณ์ในเเถบอาหรับนำโดย อีหร่านชีอะห์


เหตุการณ์ในเเถบอาหรับนำโดย อีหร่าน/ชีอะห์ที่ขยับด้วยStep By Step
อีหร่านหรือสันดานชีอะห์ในเเถบอาหรับ
Step 1
อิหร่าน
จับมือกับอเมริกาในการ
โค้นล้มชาวซุนนี่ในอีรัก
เพื่อให้มีอำนาจปกครองในอีรัก
ด้วยระบบการปกครองเเบบ
โคมัยนีย์,เเพร่ลัทธิชีอะห์,
สร้างกองทัพในอีรัก
เเล้วส่งไปที่ซีเรีย,
สวนอเมริกาได้ผลประโยชน์
ตามข้อตกลงกับอีหร่าน,

Step2
อิหร่าน
คือผู้ว่างเเผ่นให้กับรัฐบาลบัชชาร อาสัดตามคำขอของรัฐบาลชีอะห์บัชชาร อาสัดด้วยการสร้างสถานการ์ทางการเมือง
เพื่อให้เกิดฉนวนส่งครามในประเทศ
เเละนั้นคือช่องประตูให้กับรัฐบาลชีอะห์นำโดยบัชาร อาสัด ในการเข่นฆ่าสังหารชาวซุนนีในซีเรียให้สิ้นซากจนถึงทุกวันนี้
เเละเมื่อใดบรรลุถึงเป้าหมาย
จึงมีพลังเป็นสองเท่าในการ
ที่จะครองอำนาจในเเถบอาหรับ
เพราะทีอีรัก อิหร่านได้เป็นพ่อ
ของประเทศอีรักเเล้ว,

Stepที3
อีหร่าน
คือผู้บ่งการทั้งหมดต่อเหตการณ์ในเยเมน
ด้วยการสนับสนุนกบฎชีอะห์ฮูซีย์ในเยเมน
โดยอีหร่านลักลอบส่งทหารเเละงบเพื่อใช้
ในการก่อกบฏต่อรัฐบาลเยเมนเป็นรัฐบาลซุนนี,
Step4
เมื่ออีหร่าน ได้ใช้งบประมานมหาศาล
เพื่อใช้ทุกวิธิทางให้ได้นำมาการครอง
อำนาจในเเถบอาหรับ ทั้งใช้งบในการทำสงคราม,เเพร่ลัทธิ,เเละซื้ออาวุธอเเละผลิต
ทางรัฐบาลจึงมองอนาคตของประเทศ
หากยังดำเนินการด้วยตนเองประเทศ
อาจจะกระทบทางเศษฐกิจ จึงมีมาตรการ
ขอจับมือกับพันธมิตรคือรัสเซีย
โดยเสนอข้อตกลงในด้านผลประโยชน์กับ
รัสเซีย อีหร่านเลยต้องใช้รัสเซียมา
เป็นพละกำลังในการปั่นป่วนในเเถบอาหรับ โดยเฉพาะกับซีเรียคืออันดับเเรก
เพราะซีเรียยังไม่บรรลุผลเหมือนที่อีรัก
ซึ่งอิหร่านได้ทำสำเร็จเเล้ว,

Step5
อิหร่านมีเเผ่นการจะผลิกเเผ่นดินชามเเละเเถบคอลีจ หากเมือวันใด ณ ทีซีเรียอีหร่านได้เป็นพ่อเเห่งประเทศซีเรียเเล้ว นับจากวันนั้น อีหร่านจะเดินหน้าด้วยStep
Stepที่6
คือการเเพร่ลัทธิชีอะห์อย่างรุนเเรงในประเทศเเถบคอลีจ พร้อมกับสร้างความปั่นปวนต่างๆ โดยจะสร้างเเนวร่วมที่ถือศาสนาชีอะหฺให้เป็นกลุ่มเป็นก้อนในประเทศนั้นๆ((ได้ยินว่าประเทศเเรกทีอีหร่านจะก่อคือ ประเทศบาห์เรน))เเล้วหลังจากนั้นจะก่อกบฎเเละการหนองเลือดจะเกิดขึ้น ณ บัดนั้น,, ถึงขั้นนั้นคือประตูให้เเก่อีหร่านที่มี
อเมริกา(ยิว)เเละรัสเซียจะค่อยหนุ่นหลัง
ในการสร้างความวุ่นวายระเบิดมัสยิดเเละสงครามกลางเมือง,,,,,,,
ต่อจากนั้นจะเห็นโดมิโนเอฟเฟ๊กอีกครั้งในเเถบคอลิจ, เเละหากอีหร่านเดินหน้า
ประสบความสำเร็จจนได้,,,,อีหร่านจะทำStepสุดท้าย คือ
Stepที7
คือการมีอำนาจการปกครองต่อบรรดาประเทศรอบๆประเทศสาอุดีอาหรับเบีย,
เวลานั้นคือเป้าหมายสูงสุดของชีอะห์(อีห
ร่าน) เป็นเวลาที่ต้องการบุกรุกเมืองมักกะห์,,
1-นำธงชีอะห์ปักไว้ที่ญาบัลเราะห์มะห์
ภูเขาเราะห์มะห์
2-ขุดหลุ่มกูโบร์ท่านหญิงอาอีชะห์,เเละกุโบรท่านอุมัร
3-ทำลายมัสยิดนบีเเล้วสร้างโบสถชีอะห์ข้างกูโบร์ท่านหญิงฟาตีมะฮ์
4-ทำหลายมัสยิดฮะรอม
5-ทุบทำลายอัล-กะอฺบะห์
6-นำหินดำไปยังเมืองกูฟะห์(อีรัก)
7-สร้างประตูเมืองบานใหญ่บนซากมัสยิดฮะรอมเพื่อเตรียมต้อนรับอีมามมะฮ์ดีย์เดินทางมาจากกัรบาลาอฺ(อีรัก)

https://www.facebook.com/AllahuAkabrr

ซีเรียกับรอยยิ้ม































Made in Syria


กำลังเล่าเรื่องทริปอิตาลีเพลินๆ เห็นข่าวเศร้าสะเทือนใจแล้ว...อดไม่ได้ที่จะเขียนถึงประเทศสำคัญแห่งหนึ่งในชีวิตเราสักหน่อยนะคะ

พวกเธอเคยสงสัยกันไหมว่าทำไมเราตั้งชื่อลุกว่า “ซีเรีย” อ๊ะ อ๊ะ ไม่ใช่ Made in Syria อย่างที่หลายๆ คนสงสัยนะคะ ก็ใช่นะที่เราสองคนไปเที่ยวซีเรียก่อนที่จะมีซีเรีย แต่ก็กลับมาเมืองไทยก่อนที่จะตั้งท้องถึงสองเดือน ดังนั้นไม่ใช่นะจ๊ะ ไม่ใช่ เหตุผลที่เลือกชื่อนี้ให้ลูกชายคนแรกก็เพราะซีเรียสร้างความทรงจำดีๆ แก่ชีวิตเราทั้งคู่มากมาย ทำให้คำอธิษฐานของฉันเป็นจริง ทำให้มุมมองเกี่ยวกับการหยิบยื่นความช่วยเหลือแก่กัน น้ำใจ มิตรภาพ ความซื่อสัตย์ คนแปลกหน้า เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง

เราสองคนเลือกไปเที่ยวซีเรียเหตุเพราะคำพูดของไกด์เมื่อยามเราไปเยือนจอร์แดนว่า “ที่นี่ (จอร์แดน) มีที่เที่ยวไม่มากนักเมื่อเทียบกับซีเรีย ซีเรียมีอะไรให้ดูเยอะมาก เที่ยวสองอาทิตย์ก็ไม่หมด” คำพูดนี้ฝังใจฉันมากจนกระทั่งยอมเปลี่ยนแผนการที่จะไปอิหร่านมาเป็นซีเรียแทน ทั้งๆ ที่คุณสามีก็เตือนแล้วเตือนอีกว่าทำวีซ่าลำบากนะ ปัญหาเยอะ เพื่อนพ้องคนอื่นๆ ก็ด่าว่าแกจะบ้าเหรอ ไปประเทศอะไรเนี่ย เดี๋ยวก็โดนลักพาตัวหรอก แต่ฉันก็ยังดื้อรั้งดึงดันจะไปให้ได้ ทำทุกทางเพื่อฝ่าฟันกับความไม่มีหลักเกณฑ์ไร้ระเบียบจนกระทั่งได้วีซ่ามาอยู่ในมือพร้อมเดินทาง สามีเห็นความตั้งใจและความบ้าของฉันก็เลยต้องยอมตกลงปลงใจไปด้วยกัน

เมื่อเท้าเหยียบพื้นดินที่สนามบิน ก็ประสบปัญหาเลยคือคนขับรถที่นัดกันไว้ไม่มารับ เรานั่งรออยู่ที่สนามบินนานมาก นั่งจ๋องๆ เป็นชาวต่างชาติหน้าตาประหลาดหงอยๆ สองคน ฉันเองก็จ๋อยอย่างหนักเพราะสามีด่าว่าประสานงานยังไง บอกแล้วว่าอย่าไว้ใจประเทศด้อยพัฒนา บลา บลา... ระหว่างที่จ๋อยๆ อยู่ก็มีคนแปลกหน้าผู้ใจดีหยิบยื่นโทรศัพท์มือถือให้โทรติดต่อเจ้าของห้องที่เราจองไว้ ซึ่งเมื่อได้รู้เรื่องว่ารถที่นัดไว้ไม่มารับก็รีบขับรถมาหาเราทันที ฉันเหมือนยกภูเขาออกจากอกที่หาทางเข้าเมืองได้สักที...

เมื่อได้สำรวจเมืองดามัสกัสก็ตื่นตาตื่นใจอย่างมากกับเมืองเก่าแก่สวยงาม ซุค (Souq) หรือตลาดในภาษาอารบิกที่มีอายุกว่าพันปีที่กว้างขวางอลังการมีขายตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ ยาวคดเคี้ยวทอดตัวอยู่ในกำแพงเมืองเหมือนเขาวงกต ชาวเมืองผู้มีน้ำใจกับคนแปลกหน้า มัสยิดอุมัยยะฮ์ (Umayyad Mosque) หรือ Great Mosque of Damascus ที่มีความสำคัญในลำดับสี่ของศาสนาอิสลามและถือว่าเป็นมัสยิดที่มีความเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เป็นมัสยิดที่ใหญ่โตและสวยงามมาก ชาวอิสลามที่นี่ก็น่ารักอนุญาตให้สตรีแปลกหน้าต่างศาสนาเข้าไปสักการะและเยี่ยมชมด้านในได้อย่างไม่หวงห้าม ยินดีให้เรานั่งเงียบๆ สังเกตุผู้คนทั้งเด็กและผู้ใหญ่ผู้มีศรัทธานั่งอ่านพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ รอยยิ้มที่มีให้กับเราสดใสกระจ่างตา ดวงตาแห่งศรัทธาที่มีให้กับองค์อัลเลาะห์ก็ส่งแสงแรงกล้าไม่แพ้กัน.....

ในตอนแรกเราสองคนนึกว่า ณ ดินแดนแห่งนี้ที่ประชาชนส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลามต้องเคร่งศาสนามากแน่แต่ไม่ใช่เลย ผู้คนที่นี้อยู่ร่วมกันอย่างร่มเย็นเป็นสุข ชายผู้ที่เราแวะเวียนไปเยี่ยมชมกิจการร้านพรมแสนสวยบ่อยๆ เป็นอิสลามแต่ก็ร่วมบริจาคเงินบรูณะโบสถ์คริสต์ ชุมชนคริสต์กับอิสลามก็ติดกัน สาวๆ มุสลิมไม่ได้คลุมหน้า สถานที่ท่องเที่ยวที่คนที่นี่รักและดูแลเป็นอย่างดีไม่ต่างจากมัสยิดใหญ่แห่งดามัสกัสคือโบสถ์แห่งเมืองมาลูล่า (Maloula) ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เก่าแก่ของชาวคริสต์ สำหรับที่มาลูล่า ฉันยกไว้ว่าเป็นสถานที่สุดพิเศษแห่งหนึ่งในชีวิต เพราะที่นี่ผู้คนสามารถพูดภาษาอารมายัค (Aramaic) – ภาษาเดียวกับพระเยซูเจ้าได้ (ภาษาที่ใช้ในหนัง The Passion of the Christ) ฉันได้ฟังสวดด้วยภาษานี้แล้วซาบซึ้งในความพยายามดำรงอยู่โดยไม่สูญสลายไปไหนของภาษาและผู้คนที่อนุรักษ์มันไว้เป็นอย่างมาก
นอกจากโบราณสถานมากมายอายุหลายพันปีที่มีอยู่กระจัดกระจายทั่วประเทศแล้ว ซีเรียยังมีเมืองให้เที่ยวริมทะเลชิลๆ อย่างลาตาเกีย (Latakia) มีไอศกรีมแสนอร่อยระดับฮาเก้นดาสแต่ราคาลูกละ 10 บาท ที่แต่เราสองคนประทับใจที่สุดคงจะเป็นความมีน้ำใจ -- hospitality ของชาวซีเรียนี่แหละ ที่เราไม่เคยพบเห็นที่ไหนในโลกมาก่อน (คำนวณจากการท่องเที่ยวมาแล้วหลายประเทศมากของคุณสามี) เราได้กินไอติมฟรียามเมื่อไปเที่ยวทะเลเพราะเจ้าของร้านบอกว่าอยากเลี้ยงแขกแปลกหน้าผู้มาเยี่ยมบ้าน ถูกชวนด้วยภาษามือไปดื่มกาแฟที่บ้านเพราะเจ้าของบ้านถือคติต้องต้อนรับผู้มาเยือนให้ดีประดุจญาติมิตร ทานอาหารฟรีที่ร้านหน้าที่พักก่อนกลับเมืองไทยเพราะเจ้าของร้านอยากเลี้ยงส่ง ได้เพื่อนในตลาดทั้งที่ดามัสกัลและอเลปโป (Aleppo) – เพื่อนในที่นี้หมายถึงเพื่อนจริงๆเพื่อนเจ้าของร้านขายเม็ดกาแฟที่คุยกันถูกคอที่ให้ความรู้เรื่องกาแฟกับเรามากมาย เพื่อนที่พอรู้ว่าฉันอยากมีลูกมากว่าห้าปีแล้วแต่ไม่มีเสียที ก็เสนอตัวให้ใช้บัตรประกันสุขภาพที่ออสเตรเลีย (ที่เค้าเคยไปทำงาน) ให้ฉันปวารณาตัวเป็นคนในครอบครัวแล้วเอาไปใช้ฟรีเลยหรือจะให้ช่วยยังไงก็บอก เพื่อนวัยรุ่นที่ลากแขนฉันไปเที่ยวย่านละแวกบ้านในเขตเมืองเก่าอเลปโป โดยโฆษณาสรรพคุณเสร็จสรรพว่าย่านนี้ไม่มีคนรู้จัก นักท่องเที่ยวไม่ค่อยมา แต่มีมัสยิดที่ศักดิ์สิทธิ์มากตั้งอยู่ เด็กหนุ่มคนนี้พาเราสองคนลัดเลาะเมืองไปตามซอกเล็กซอกน้อยจนมาพบกับมัสยิดเล็กๆ แห่งหนึ่ง หนุ่มน้อยเล่าด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจว่านี่คือมัสยิดที่มีรอยเท้าของท่านนบีโมฮัมมัดฝังอยู่และมีน้ำไหลผ่านรอยจารึก เด็กหนุ่มเพื่อนเรายังเล่าต่อไปว่าใครดื่มน้ำนี้ไปแล้วอธิษฐานไม่ว่าเรื่องใดก็จะสมประสงค์ แล้วเขาก็ลากพวกเรามาถึงสถานที่จริงเมื่อจบเรื่องเล่าพอดี แต่เวลาก็ช่างประจวบเหมาะเพราะเมื่อมาถึงเป็นเวลาละหมาดและมัสยิดนี้เป็นมัสยิดเล็กๆ ไม่ต้อนรับผู้หญิงในยามที่ปฏิบัติภารกิจทางศาสนา อิหม่ามไม่อนุญาตให้ฉันเข้า เอาล่ะสิ แต่เพื่อนแสนดีของเราก็ไม่ยอมแพ้ อ้อนวอนท่านอิหม่ามให้ใจอ่อนจนยอมให้ฉันดื่มน้ำศักดิ์สิทธิ์จนได้ หนุ่มน้อยยัดเยียดถ้วยน้ำเย็นๆ ใส่มือของฉันแล้วเร่งด้วยน้ำเสียงรีบร้อนว่า “ดื่มเร็วๆๆ อย่าลืมคำอธิษฐานด้วยนะ เค้าไล่ให้ออกไปแล้ว เร็วๆ” เมื่อเข้าสู่สถานการณ์บังคับ ฉันผู้ซึ่งไม่เคยอยากได้อะไรเป็นพิเศษก็คิดอะไรไม่ออกเลยว่าจะอยากได้อะไรดี แต่พ่อหนุ่มก็เร่งซะเหลือเกิน เอางี้แล้วกัน ฉันคิด อธิษฐานของให้มีลูกก็แล้วกัน ฉันหลับตาแล้วก็ดื่มน้ำศักดิ์สิทธิ์เย็นๆ ลงกระเพาะไป..................หลังจากนั้นอีกสองเดือนฉันก็ได้สิ่งมีชีวิตมาอยู่ในท้องจริงๆ จะว่าบังเอิญหรืออะไรก็ไม่สามารถจะรู้ได้ แต่เรื่องนี้ก็กลายเป็นที่มาของชื่อ “ซีเรีย” ที่ทุกคนเรียกกัน
.
.
.
ชาวซีเรียเป็นผู้คนที่มีน้ำใจ มีใบหน้าเปื้อนยิ้ม อารมณ์ดีและมีความสุข บ้านเมืองสวยงาม มีที่ท่องเที่ยวมากมาย มีอาชีพไม่ได้ยากจนข้นแค้น มีทรัพยากรมากมาย สามารถปลูกพืชได้หลากหลาย มีวัฒนธรรมสืบทอดมายาวนานกว่าหลายพันปี เค้าทั้งหลายไม่ได้อยากทิ้งบ้าน ไม่อยากระหกระเหเร่ร่อนไปในดินแดนที่ไม่รู้จัก ไปในที่ที่ผู้คนไม่ต้อนรับและสาปส่ง ไม่ได้อยากลงเรือลอยไปกลางทะเลโดยไม่รู้จุดหมาย แต่เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างในบ้านมันพังพินาศจนไม่เหลือเค้าเดิมแล้ว พวกเค้าก็เพียงแค่อยากเก็บรักษาแสงวิบวับในประกายตา เสียงหัวเราะและรอยยิ้มบนใบหน้าของลูกน้อยและคนที่เค้ารักไว้ให้ได้นานที่สุดเพียงเท่านั้น ถ้าบ้านของฉันมีแต่เสียงระเบิดทดแทนเสียงละหมาด เสียงกรีดร้องทดแทนเสียงร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า มีแต่ไฟที่เผาผลาญความงดงามที่เคยมีในอดีตให้หมดสิ้น...ราพณาสูรไปเสียวอดวายแล้ว ฉันเองก็คงเลือกทางเดินได้ไม่ต่างกัน ฉันเองก็คงหวังถึงน้ำบ่อหน้า หวังถึงดินแดนอื่นที่จะปลอดภัย หวังให้มีอาหารกินอิ่ม หลับสนิท มีร่างกายครบสามสิบสอง มีเพื่อนที่มีน้ำใจที่หยิบยื่นความช่วยเหลือดั่งสมควรที่มนุษย์จะพึงมีให้กันเหมือนดั่งที่พวกเค้ามีต่อเพื่อนผู้มาเยือนในอดีต หวังว่าผู้คนจะเข้าใจว่าเขตแดนเป็นแค่เรื่องสมมุติ หวังว่าความบ้าคลั่งนี้จะจบลงเสียที ฉันว่าเพื่อนของฉันเหล่านี้มีสิทธิ์จะแสวงหาดินแดนนั้นและมีสิทธิ์ที่จะหวังไม่ใช่หรือ...........

หวังว่าเพื่อนทุกคนของฉันมีจะมีชีวิตรอดและปลอดภัย

https://www.facebook.com/travelmakesushumble/

อนุญาติให้ปฎิเสธทัศนะของนักวิชาการฟิกฮหรือไม่


อนุญาติให้ปฎิเสธทัศนะของนักวิชาการฟิกฮหรือไม่ ?

ผู้ดำเนินรายการ //

เวลานี้เรามีประมวลจากมัซฮับต่างๆเรามี
ทัศนะความคิดเห็นที่แตกต่างแล้วเมื่อไรที่
ฉันสามารถตำหนิมุสลิมคนหนึ่งในสิ่งที่ฉันคิดว่าเขาผิดซึ่งขณะเดียวกันเขาก็เชื่อ
อย่างสนิทใจว่าเขาถูกด้วยเหตุนี้เองเขาจึงปฎิติบัติตามทัศนะนั้นฉันได้สังเกตุวงศึกษาในอดีตมีบางคนที่มองการอิจญติฮาดของพี่น้องอื่นๆว่าโงเขลาซึ่งทำให้เรามองว่า
พวกเขาต่ำกว่าเราเมื่อไรที่เราได้รับอนุญาตให้ตำหนิมุสลิมคนหนึ่งในทัศนะทางฟิกฮ ?

ชัคค ก็อรฎอวีย //

เมื่อทัศนะนั้นขัดแย้งอย่างสิ้นเชิงกับตัวบทที่มีหลักฐานชัดเจน (กอฎอีย)
ในการอิจญติฮาดนั้นเกี่ยวพันกับสองบริบทในอิสลามนั้นคือบริบทแรกเป็นบริบทที่ปิดแล้วไมอนุญาตให้ทำการอิจญติฮาดอีกแล้วเป็นบริบทที่เด็จขาดชัดเจนซึ่งกฎหมาย
ต่างๆถูกสถาปนาขึ้นในบริบทนี้ด้วยตัวบทที่
เด็ดขาดแน่ชัดด้วยหลักฐานที่แน่นอน
ชัดเจน ด้วยเหตุนี้เมื่อคนใดคนหนึ่งทำการ
อิจญติฮาดใน เรื่องดังกล่าว หรือนำทัศนะใด ๆ ที่ขัดแย้งกับบริบท
ดังกล่าว ตัวอย่างเช่นมีคนกล่าวกับท่านว่า
" ผู้หญิงไม่ต้องรับมรดกครึ่งหนึ่งของผู้ชาย กรณีเช่นนี้แหละที่ขัดแย้งกับตัวบทที่
ชัดเจนในอัลกุอาน
ฉันจะกล่าวกับเขาว่า " ไม่ใด้ "

ส่วนบริบทที่สองนั้นมีความเป็นไปได้ว่าจะมี
คำตอบทั้งสองอย่าง ดังนั้นฉันจึงไม่ปฎิเสธทัศนะของ อิบนุ อุมัร หรืออิบนุอับบาส หากแต่ฉันจะเลือกทัศนะ
ที่ทำให้จิตใจของฉันสงบ มุจญตะฮิดจะต้องไม่ยึดเอาทัศนะของคน
อื่น ๆเ ขาต้องยึดทัศนะของตัวเองโดยไม่
ตักลีดผู้อื่น(ตามคนอื่นโดยไม่ต้องพิจารณาหลักฐาน)

เป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับมุจญตะฮิดในการ
ตักลีดผู้อื่นหรือละทิ่งทัศนะของเขาเพื่อ
ทัศนะของคนอื่น ๆ การทำอย่างนี้ถือว่าไม่ได้รับอนุญาต ทัศนะใดๆที่ทำให้เขาเชื่อมั่นหลังจากได้
บรรลุถึงมันหลังจากที่เขาได้ทำให้ความ
อุตสาหะความทุ่มเทของเขาเสร็จสมบูรณ์
การเขาถึงทัศนะนั้น ๆ นับว่าเขาเป็นนี้ต่ออัลลอฮ (ซ.บ) พระองค์จะถามเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย

เหตุนี้เองจึงไม่ยอมให้มุสลิมคนใดละทิ่ง
ทัศนะของเขาเพื่อตอบสนองความพึงพอใจของผู้คนสึ่งนี้ไม่อนุญาตเด็ดขาด

ส่วนประเด็นที่ว่าเขา
สามารถออกจากทัศนะผู้ที่ขัดแย้งนี้ได้
อย่างไร อุลามาฮเห็นว่า เป็นสิ่งที่ดียิ่งที่จะออกจากความขัดแย้งมี
หลายประเด็นที่เขาสามารถออกจากความขัดแย้งได้ ตัวอย่างเช่น

หากมีคนหนึ่งกล่าวกับท่านว่า การกระทบผู้หญิงนั้นเสียน้ำละหมาด
อีกคนหนึ่งกล่าวกับท่านว่าเลือดไหลออก
จากร่างกายทำให้เสียน้ำละหมาด หากท่านสามารถทำได้ก็ให้ไปอาบน้ำ
ละหมาดแล้วท่านก็สามารถออกจากการ
ขัดแย้งและจะได้สอดคล้องกับพวกเขาทั้งหมด

แต่บางครั้งก็ไม่สามารถทำอย่างนี้ได้ ถ้ามีคนกล่าวว่าไม่ต้องอ่าน บิสมิลลาฮในการอ่านฟาติฮะในละหมาด (ในละหมาดที่อ่านดัง ) อีกคนหนึ่งบอกให้อ่านอีกคนบอกให้อ่าน
เบา ๆ อีกคนบอกให้อ่านดัง หรือบางท่านบอกว่าเมื่ออีหมามอ่านฟาติฮะในละหมาดที่อ่านดังมะมูมไม่จำเป็นต้อง
อ่านอีกถ้าเหตุการเป็นอย่างนี้ย่อมเป็นไป
ไม่ได้ที่ท่านจะทำให้มันสอดคล้องกับทุก
คนได้

[ ที่สุดแล้วทุกฝายต้องเข้าใจในความแตก
ต่างในขอปลีกย้อยทางศาสนาว่าไม่ใช้
อุปสรรคในการดำรงไว้ซึ่งความเป็นพี่น้อง
มุสลิม ]

::::::::::::::::::::::::::::

จากหนังสือเรื่องความขัดแย้งทางฟิกฮ ความแตกต่างที่ต้องอาศัยความเข้าใจ
ชัยค ดร. ยูซุฟ อัล ก็อรฎอวีย
อัล อัคแปลและเรียบเรียง

seed ikwan นำเสนอ

Disqus Shortname

Comments system