วันพุธที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ที่มาของขนมบูโบวันที่สิบมุฮัรร็อม


ผมก็ไม่รู้ที่ไปที่มาได้ แต่อย่างไรที่ผมจะพูดต่อไปนี้อยากมาแลกเปลี่ยนข้อมูลด้วยกันสิ่งใหม่ๆเหล่านี้ที่เข้ามาหาเรานั้น เราต้องตรวจสอบให้ดีเพื่อเราจะได้ไม่ปฏิบัติตามการงานของศาสนาอื่น ที่เข้ามาในชีวิตเราเมื่อไหร่ที่เราไม่ตรวจดูให้ดี สิ่งต่างๆที่ไม่ใช่อิสลามก็จะเข้ามาและนี้แหละคือวัฒนธรรมที่เข้ามาที่ละเล็กละน้อยโดยที่เราไม่รู้สึกตัว วัฒนธรรม...... วัฒนธรรมบ้านเรา ถ้าถึงวันที่สิบเดือนมุฮัรร็อมก็จะทำบูโบ(คือชื่อขนมที่จะทำทานกันในวันที่สิบเดือนมุฮัรร็อม)นั้นคือวัฒนธรรมของเราการทำบูโบจะทำเมื่อไหร่ก็ได้ไม่ต้องรอให้ถึงวันที่สิบมุฮัรร็อมแต่เมื่อไหร่ที่พูดถึงอาชูรอก็จะนึกถึงขนมบูโบอาชูรอนั้นหมายถึงสิบ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับบูโบถ้าเก้าก็ตาซูอาอฺ ถ้าแปดก็ซามุนาอฺสิบก็อาชูรอ แต่เมื่อพูดถึงอาชูรอจะนึกถึงบูโบ ประวัติความเป็นมายังไงผมก็ไม่ทราบเหมือนกันเหล่านี้เป็นสิ่งที่ทำกันมานานถ้าหากเราตามท่านนบี(ซ.ล)ท่านนบีจะไม่ทานในวันนั้น แต่จะถือศีลอดผมไม่ได้บอกว่าทำบูโบไม่ได้ จะทำบูโบทานเมื่อไหร่ก็ทำได้เราจะได้ทานด้วยกันแต่ว่าวันที่สิบนั้นท่านนบี(ซ.ล)สั่งให้เรานั้นถือศีลอดผมจะบอกอะไรบางอย่างจากประวัติศาสตร์และฮาดิษ คนกุเรชที่มักกะฮฺสิบมุฮัรร็อมนั้นพวกเขาจะถือศีลอดอันนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับอิสลามแต่อย่างใดพวกเขาถือศีลอดอย่างไรผมไม่ทราบแต่บอกแค่ว่าพวกเขานั้นถือศีลอดเท่านั้นเองยิวก็ถือศีลอดวันนั้นด้วยเช่นกันบรรดาซอฮาบัตได้บอกกับท่านนบีว่าพวกยิวที่มาดีนะฮฺถือศีลอดท่านรอซูล(ซ.ล)ก็เลยสอนเราให้ถือศีลอดอดเหมือนกันจนถึงปัจจุบันพวกเขาก็ยังปฏิบัติอยู่ในศาสนายิวนั้นพวกเขาถือศีลอดท่านนบีบอกว่า ฉันมีข้อเกี่ยวพันกับมูซามากกว่าพวกท่าน(โอ้ชาวยิว)ถ้าหากฉันยังมีชีวิตปีหน้า ฉันที่ถือศีลอดในวันที่เก้ากับสิบด้วยเพื่อให้เกิดความแตกต่างฉะนั้นนบีจึงกล่าวว่า ถ้าหากฉันทันมีชีวิตปีหน้าฉันก็จะถือศีลอดวันที่เก้าด้วยเช่นกันและถ้าใครไม่ทันวันที่เก้าก็ให้ถือศีลอดวันที่สิบกับสิบเอ็ดเพื่อไม่ให้เหมือนกับยิวเหล่านี้เป็นสิ่งที่ชัดเจนในฮาดิษต่างๆเพื่อเป็นการเรียกร้องให้อุมมะฮฺอิสลามถือศีลอดในวันที่สิบและสิบเอ็ดหรือเก้าและสิบเพราะผลบุญของมันชั่งใหญ่ยิ่งนั้นคืออัลลอฮฺจะลบล้างความผิดหนึ่งปีที่ผ่านมาถ้าเราจะรอถือศีลอดปีหน้าก็ไม่รู้จะมีชีวิตถึงหรือไม่ของปีนี้ก็ยังไม่แน่ใจเลยวัลลอฮุอะลัมแต่เรามีเจตนาที่อยากทำความดีในบางพื้นที่นั้นจะทำบูโบทานในวันที่สิบนี้เป็นแบบอย่างมาจากใครถ้าพูดง่ายๆคือมาจากชีอะฮฺชีอะฮฺทำบูโบมี เอามีดฟาดตัวเองเพราะปกติของชีอะฮฺคือมักทำอะไรที่ตรงกันข้ามกับอัฮฺลุซซุนนะฮฺอัฮฺลุซซุนนะฮฺคือคนที่ปฏิบัติตามซุนนะฮฺ(ซ.ล)เมื่ออัฮฺลุซซุนนะฮฺถือศีลอดชีอะฮฺก็จะถือศีลอดเมื่ออัฮฺลุซซุนนะฮฺไม่ถือศีลอดชีอะฮิก็จะถือศีลอดเพื่อไม่ให้เหมือนกันก็เหมือนกับถือศีลอด เวลาอัฮฺลุซซุนนะฮฺจะเปิดศีลอดชีอะฮฺก็รอดวงดาวขึ้นอะไรไม่รู้พออัฮฺลุซซุนนะฮฺรายอวันนี้ ชีอะฮฺเขาก็รายอพรุ่งนี้หรืออัฮฺลุซซุนนะฮฺรายอวันนี้ ชีอะฮฺเขาก็รายอเมื่อวานทำอะไรไม่เหมือนซะอย่างนั้นคุณลักษณะของชีอะฮฺเขานี้คือวัฒนธรรมที่เราต้องรู้ว่ามาจากไหนที่จริงผมก็พอทราบแล้วว่า ปัจจุบันวันที่สิบก็ไม่ค่อยทำบูโบแล้วแต่ที่ผมอยากบอกคือการทำบูโบนั้นไม่ใช่วัฒนธรมโดยเฉพาะวันที่สิบนั้นเรามาถือศีลอดกันถ้าเราไม่ถือศีลอดเราก็บอกคนอื่นก็พอแล้วว่าวันนี้ซุนัตให้ถือศีลอดนะถึงแม้ว่าเราไม่ถือศีลอดแต่คนที่เราบอกให้ถือศีลอดเขาถือศีลอดเราก็ได้ผลบุญด้วยแต่ก็อย่าไปหวังตรงนั้นอย่างเดียวเหมือนกับว่าเราบอกคนอื่นให้ตื่นละหมาดกลางคืนเราก็ได้ผลบุญ แต่ก็ได้ผลบุญเท่าที่บอกเท่านั้นแหละ

Dato' Dr. Johari Mat

ที่มา https://www.youtube.com/watch?v=eHl3ZNy8EFk

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Disqus Shortname

Comments system