บทบัญญัติอิสลามเกี่ยวกับอุปราคา
ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ
ผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตายิ่ง
การสรรเสริญทั้งมวลเป็นเอกสิทธิ์ของอัลลอฮฺพระผู้ทรงอภิบาลแห่งสากลจักรวาลเพียงผู้เดียว
ไม่มีการตั้งภาคีใดๆ เทียบเคียงพระองค์
ขอความสันติและความจำเริญจงมีแด่ท่านนบีมุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม
วงศ์วานของท่าน บรรดาเศาะหาบะฮฺของท่าน
ตลอดจนบรรดาผู้ดำเนินชีวิตตามแบบฉบับของท่าน ตราบจนวันกิยามะฮฺ
ปรากฏการณ์สุริยุปราคา
(กุสูฟ) และจันทรุปราคา (คุสูฟ)[1] ถือเป็นสัญญาณหนึ่งจากบรรดาสัญญาณของอัลลอฮฺที่พระองค์ทรงให้เกิดขึ้นเพื่อให้ปวงบ่าวได้ประจักษ์ถึงความยิ่งใหญ่ของพระองค์
อีกทั้งเกิดความเกรงกลัวในการลงโทษของพระองค์
และสำนึกกลับตัวหวนกลับไปสู่แนวทางที่เที่ยงตรง
มิได้เกิดจากราหูอมดวงอาทิตย์ดวงจันทร์ และมิใช่ปรากฏการณ์ที่เป็นลางร้ายบอกเหตุ
หรือเกิดขึ้นเพราะเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งโดยเฉพาะ
ดังความเชื่อของคนบางกลุ่มแต่อย่างใด
สำหรับมุสลิมนั้นปรากฏการณ์ทั้งสองมิได้เป็นสิ่งบันเทิงใจให้ผู้คนจากทั่วทุกสารทิศหลั่งไหลกันไปชมตามสถานที่ต่างๆ
ที่คาดว่าจะเห็นได้ชัดอย่างที่หลายคนเข้าใจ
และมิได้เป็นเพียงโอกาสพิเศษที่ครูอาจารย์หรือพ่อแม่ผู้ปกครองจะให้ความรู้ทางดาราศาสตร์แก่นักเรียนหรือลูกหลานของตน
แต่อิสลามยังได้กำหนดหลักปฏิบัติบางประการที่ส่งเสริมให้กระทำเมื่อเกิดปรากฏการณ์ดังกล่าว
“และกี่มากน้อยแล้วจากสัญญาณในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน
ที่พวกเขาผ่านไปโดยที่พวกเขาผินหลังให้” [ยูสุฟ: 105]
บทความนี้
ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับบทบัญญัติอิสลามในกรณีที่เกิดปรากฏการณ์สุริยุปราคาและจันทรุปราคา
โดยอ้างอิงหลักฐานจากตัวบทหะดีษและแบบฉบับของท่านเราะสูล
ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม เสริมด้วยทัศนะและความเข้าใจของบรรดานักวิชาการอิสลามชั้นแนวหน้า
เพื่อเป็นเสมือนคู่มือสำหรับผู้รวบรวมเอง
รวมถึงพี่น้องมุสลิมผู้ฝักใฝ่ความรู้และการปฏิบัติตามแนวทางของท่านเราะสูล
ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม
ทั้งนี้
ผู้รวบรวมได้พยายามคัดสรรและสรุปสาระสำคัญของเนื้อหาที่เกี่ยวข้องอย่างกระชับให้มากที่สุด
โดยมีเนื้อหาครอบคลุมประเด็นต่างๆดังนี้ :-
ประเด็นที่หนึ่ง:
สุริยุปราคา (กุสูฟ) และจันทรุปราคา (คุสูฟ) คือสัญญาณของอัลลอฮฺ
ประเด็นที่สอง:
สิ่งที่ส่งเสริมให้กระทำเมื่อเกิดสุริยุปราคาหรือจันทรุปราคา
ประเด็นที่สาม:
หุก่มการละหมาดกุสูฟและคุสูฟ
ประเด็นที่สี่:
ช่วงเวลาของการละหมาด
ประเด็นที่ห้า:
ในกรณีที่มองไม่เห็นสุริยุปราคาหรือจันทรุปราคา
ประเด็นที่หก:
ส่งเสริมให้ละหมาดในรูปญะมาอะฮฺ
ประเด็นที่เจ็ด:
ส่งเสริมให้ทำการละหมาดที่มัสยิด
ประเด็นที่แปด:
ส่งเสริมให้ทำการละหมาดทั้งบุรุษและสตรี
ประเด็นที่เก้า:
การประกาศเรียกผู้คนให้มาร่วมละหมาด
ประเด็นที่สิบ:
ไม่มีอะซานหรืออิกอมะฮฺ
ประเด็นที่สิบเอ็ด:
วิธีละหมาดกุสูฟและคุสูฟ
ประเด็นที่สิบสอง:
อ่านเสียงดังหรือเบา?
ประเด็นที่สิบสาม:
คุฏบะฮฺหลังละหมาด
ประเด็นที่หนึ่ง:
สุริยุปราคา
(กุสูฟ) และจันทรุปราคา (คุสูฟ) คือสัญญาณของอัลลอฮฺ
ท่านอิบนุ
อุมัร เราะฎิยัลลอฮุอันฮุมา เล่าว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
(( إِنَّ الشَّمْسَ
وَالْقَمَرَ لَا يَخْسِفَانِ لِمَوْتِ أَحَدٍ وَلَا لِحَيَاتِهِ وَلَكِنَّهُمَا آيَتَانِ
مِنْ آيَاتِ اللَّهِ فَإِذَا رَأَيْتُمُوهَا فَصَلُّوا ))
“ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์นั้นจะไม่บดบังกันด้วยการตายหรือการเกิดของผู้หนึ่งผู้ใด
แต่ทั้งสองนั้น คือสัญญาณสองประการจากบรรดาสัญญาณของอัลลอฮฺ ดังนั้น
เมื่อพวกท่านพบเห็นก็จงทำการละหมาดเถิด” [บันทึกโดยบุคอรี 1042]
และท่านหญิงอาอิชะฮฺ
เราะฎิยัลลอฮุอันฮา เล่าว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
(( إِنَّ الشَّمْسَ
وَالْقَمَرَ لَا يَكْسِفَانِ لِمَوْتِ أَحَدٍ وَلَا لِحَيَاتِهِ وَلَكِنَّهُمَا مِنْ
آيَاتِ اللَّهِ يُخَوِّفُ اللَّهُ بِهِمَا عِبَادَهُ فَإِذَا رَأَيْتُمْ كُسُوفًا فَاذْكُرُوا
اللَّهَ حَتَّى يَنْجَلِيَا
))
“ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์นั้นจะไม่บดบังกันด้วยการตายหรือการมีชีวิตของผู้หนึ่งผู้ใด
แต่มันทั้งสองเป็นส่วนหนึ่งจากสัญญาณของอัลลอฮฺ
พระองค์ทรงใช้มันทั้งสองทำให้บ่าวของพระองค์เกรงกลัว ดังนั้น
เมื่อพวกท่านเห็นสุริยุปราคา (หรือจันทรุปราคา) ก็จงรำลึกถึงอัลลอฮฺ
จนกระทั่งมันทั้งสองได้ปรากฏชัดขึ้นอีกครั้ง” [บันทึกโดยมุสลิม 901]
ชัยคุลอิสลาม
อิบนุ ตัยมิยะฮฺ เราะหิมะฮุลลอฮฺ กล่าวว่า
“เป็นไปได้ว่าบางคนอาจเข้าใจว่าสุริยุปราคาที่เกิดขึ้นนั้น
มีสาเหตุมาจาหการเสียชีวิตของอิบรอฮีม (บุตรชายท่านนบี) ท่านนบี
ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม
จึงปราศรัยชี้แจงเรื่องดังกล่าวแก่พวกเขาและท่านยังได้กล่าวว่ามันเป็นสัญญาณเตือนสติให้มนุษย์เกิดความเกรงกลัว
ท่านจึงสอนวิธีแก้ความกลัวนั้นด้วยการกำชับให้ทำการละหมาด ดุอาอ์ และขออภัยโทษ”
[มัจญฺมูอฺ อัลฟะตาวา 24/258-259]
ประเด็นที่สอง:
สิ่งที่ส่งเสริมให้กระทำเมื่อเกิดสุริยุปราคาหรือจันทรุปราคา
1- ละหมาด
ท่านอิบนุ
อุมัร เราะฎิยัลลอฮุอันฮุมา เล่าว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
(( إِنَّ الشَّمْسَ
وَالْقَمَرَ لَا يَخْسِفَانِ لِمَوْتِ أَحَدٍ وَلَا لِحَيَاتِهِ وَلَكِنَّهُمَا آيَتَانِ
مِنْ آيَاتِ اللَّهِ فَإِذَا رَأَيْتُمُوهَا فَصَلُّوا ))
“ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์นั้นจะไม่บดบังกันด้วยการตายหรือการเกิดของผู้หนึ่งผู้ใด
แต่ทั้งสองนั้นคือสัญญาณสองข้อจากบรรดาสัญญาณของอัลลอฮฺตะอาลา ดังนั้น
เมื่อพวกท่านพบเห็นก็จงทำการละหมาดเถิด” [บันทึกโดยบุคอรี 1042 และมุสลิม 914]
2- เศาะดะเกาะฮฺ (การบริจาคทาน)
ท่านหญิงอาอิชะฮฺ
เราะฎิยัลลอฮุอันฮา กล่าวว่า เกิดสุริยุปราคาขึ้นในยุคของท่านเราะสูล
ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ท่านจึงนำผู้คนละหมาด
โดยท่านยืนเป็นเวลานาน…(หลังจากเสร็จสิ้นการละหมาดแล้ว) ท่านก็กล่าวว่า
(( إِنَّ الشَّمْسَ
وَالْقَمَرَ آيَتَانِ مِنْآيَاتِ اللَّهِ لَا يَخْسِفَانِ لِمَوْتِ أَحَدٍ وَلَا لِحَيَاتِهِفَإِذَا
رَأَيْتُمْ ذَلِكَ فَادْعُوا اللَّهَ وَكَبِّرُوا وَصَلُّواوَتَصَدَّقُوا… ))
“ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์นั้นคือสัญญาณสองข้อจากบรรดาสัญญาณของอัลลอฮฺ
มันไม่ได้บดบังกันด้วยการตายหรือการมีชีวิตของคนหนึ่งคนใด ดังนั้น
เมื่อพวกท่านเห็นมัน พวกท่านก็จงขอดุอาอ์ต่ออัลลอฮฺ กล่าวตักบีรฺ (อัลลอฮุอักบัรฺ)
ละหมาด และให้ทานเศาะดะเกาะฮฺเถิด” [บันทึกโดยบุคอรี 1044 และมุสลิม 901]
3- ดุอาอ์
ท่านอัลมุฆีเราะฮฺ
บิน ชุอฺบะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ กล่าวว่า
ได้เกิดสุริยุปราคาขึ้นในวันที่อิบรอฮีมเสียชีวิต ผู้คนจึงต่างพากันโจษจันว่า
สุริยุปราคานั้นเกิดขึ้นเนื่องจากการเสียชีวิตของอิบรอฮีม ท่านเราะสูล
ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม จึงกล่าวว่า
(( إِنَّ الشَّمْسَ
وَالْقَمَرَ آيَتَانِ مِنْ آيَاتِ اللَّهِ لَا يَنْكَسِفَانِ لِمَوْتِ أَحَدٍ وَلَا
لِحَيَاتِهِ فَإِذَا رَأَيْتُمُوهُمَا فَادْعُوا اللَّهَ وَصَلُّوا حَتَّى يَنْجَلِيَ ))
“ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์นั้นคือสัญญาณสองข้อจากบรรดาสัญญาณของอัลลอฮฺ
มันไม่ได้บดบังกันด้วยการตายหรือการมีชีวิตของคนหนึ่งคนใด ดังนั้น
เมื่อพวกท่านเห็นมัน พวกท่านก็จงขอดุอาอ์ต่ออัลลอฮฺ และจงทำการละหมาด
กระทั่งปรากฏการณ์นั้นได้สิ้นสุดลง” [บันทึกโดยบุคอรี 1060 และมุสลิม 915]
4- รำลึกถึงอัลลอฮฺ และกล่าวอิสติฆฟาร
(ขออภัยโทษ)
ท่านอบูมูซา
เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ กล่าวว่า เกิดสุริยุปราคาขึ้น แล้วท่านนบี
ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ก็ลุกขึ้นอย่างรีบเร่งร้อนรนกลัวว่าจะเป็นวันสิ้นโลก
แล้วท่านก็รุดไปยังมัสยิดและทำการละหมาด ด้วยการยืน รุกูอฺ
และสุญูดอย่างยาวนานที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นท่านปฏิบัติ แล้วท่านก็กล่าวว่า
(( هَذِهِ الْآيَاتُ
الَّتِي يُرْسِلُ اللَّهُ لَا تَكُونُ لِمَوْتِ أَحَدٍ وَلَا لِحَيَاتِهِ وَلَكِنْ
يُخَوِّفُ اللَّهُ بِهِ عِبَادَهُ فَإِذَا رَأَيْتُمْ شَيْئًا مِنْ ذَلِكَ فَافْزَعُوا
إِلَى ذِكْرِهِ وَدُعَائِهِ وَاسْتِغْفَارِهِ ))
“สัญญาณเหล่านี้ที่อัลลอฮฺทรงให้บังเกิดขึ้นนั้นไม่ได้เป็นไปเพราะการตายหรือการมีชีวิตอยู่ของผู้ใด
แต่อัลลอฮฺทรงใช้มันทำให้บ่าวของพระองค์เกรงกลัว ดังนั้น
เมื่อพวกท่านเห็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดจากสัญญาณเหล่านั้น
พวกท่านก็จงรีบเร่งรำลึกถึงพระองค์ ขอดุอาอ์ต่อพระองค์ และขออภัยโทษต่อพระองค์”
[บันทึกโดยบุคอรี 1059 และมุสลิม 912]
5- ขอความคุ้มครองให้รอดพ้นจากการลงโทษในหลุมศพ
ท่านหญิงอาอิชะฮฺ
เราะฎิยัลลอฮุอันฮา เล่าว่า หลังจากที่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม
ละหมาดกุสูฟแล้ว “ท่านก็ใช้ให้ผู้คนขอความคุ้มครองให้รอดพ้นจากการลงโทษในกุบูรฺ”
[บันทึกโดยบุคอรี 1050]
ประเด็นที่สาม:
หุก่มการละหมาดกุสูฟและคุสูฟ
อุละมาอ์ส่วนใหญ่เห็นว่าการละหมาดสุริยุปราคานั้นถือเป็น
“สุนัตมุอักกะดะฮฺ” (สุนัตที่ส่งเสริมให้กระทำเป็นอย่างยิ่ง) ท่านอิบนุกุดามะฮฺ
เราะหิมะฮุลลอฮฺ กล่าวว่า
“การละหมาดกุสูฟนั้นถือเป็นสุนัตมุอักกะดะฮฺ
เพราะท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้เคยกระทำไว้และใช้ให้กระทำ”
[อัลมุฆนีย์ 3/330]
ท่านนะวะวีย์
เราะหิมะฮุลลอฮฺ กล่าวว่า
“และอุละมาอ์ได้มีมติเป็นเอกฉันท์ว่าการละหมาดกุสูฟนั้นเป็นสุนัต”
[ชัรหฺ อันนะวะวีย์ อะลา มุสลิม 6/451]
ทั้งนี้
อุละมาอ์บางท่านมีทัศนะว่าการละหมาดดังกล่าวเป็นวาญิบ วัลลอฮุอะลัม
ประเด็นที่สี่:
ช่วงเวลาของการละหมาด
ช่วงเวลาของการละหมาดนั้นเริ่มตั้งแต่เกิดปรากฏการณ์สุริยุปราคาหรือจันทรุปราคา
ยาวไปจนกระทั่งปรากฏการณ์ดังกล่าวสิ้นสุดลง เพราะท่านนบี
ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า
“..เมื่อพวกท่านเห็นมันก็จงขอดุอาอ์ต่ออัลลอฮฺ
และจงทำการละหมาดกระทั่งปรากฏการณ์นั้นได้สิ้นสุดลง” [บันทึกโดยบุคอรี 1060 และมุสลิม 915]
ประเด็นที่ห้า:
ในกรณีที่มองไม่เห็นสุริยุปราคาหรือจันทรุปราคา
เชคอิบนุอุษัยมีน
เราะหิมะฮุลลอฮฺ กล่าวว่า
“ไม่อนุญาตให้ทำการละหมาดโดยยึดเพียงการประกาศตามหน้าหนังสือพิมพ์
หรือการคำนวณของนักดาราศาสตร์ ทั้งที่ท้องฟ้าปิดและมองไม่เห็นการเกิดสุริยุปราคา
เนื่องจากท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้ผูกโยงการละหมาดไว้กับการมองเห็น
โดยท่านกล่าวว่า ‘ดังนั้น เมื่อพวกท่านเห็นมันก็จงรีบเร่งไปสู่การละหมาด’
ซึ่งอัลลอฮฺตะอาลาอาจจะทรงให้คนกลุ่มหนึ่งเห็น
ในขณะที่คนกลุ่มอื่นมองไม่เห็นก็เป็นได้ ทั้งนี้ ก็ด้วยเหตุผลที่พระองค์ทรงทราบดี”
[หนังสือรวมฟัตวาเชคอิบนุอุษมีน 16/309]
ประเด็นที่หก:
ส่งเสริมให้ทำการละหมาดในรูปญะมาอะฮฺ
อุละมาอ์ส่วนใหญ่เห็นว่า
อนุญาตให้ทำการละหมาดกุสูฟและคุสูฟในรูปญะมาอะฮฺหรือละหมาดคนเดียวก็ได้
แต่การละหมาดในรูปญะมาอะฮฺนั้นประเสริฐกว่า ดังปรากฏในหะดีษว่า ท่านนบี
ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ละหมาดกุสูฟในรูปญะมาอะฮฺ [บันทึกโดยบุคอรี 1056 และมุสลิม 901]
ประเด็นที่เจ็ด:
ส่งเสริมให้ละหมาดที่มัสยิด
ส่งเสริมให้ละหมาดกุสูฟในรูปญะมาอะฮฺที่มัสยิด
ท่านหญิงอาอิชะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮา กล่าวว่า
“..แล้วท่านเราะสูล
ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ก็ออกไปยังมัสยิด จากนั้นท่านยืนตรงและตักบีรฺ
แล้วผู้คนต่างก็ตั้งแถวข้างหลังท่าน..”
[บันทึกโดยบุคอรี 1049 และมุสลิม 903]
ประเด็นที่แปด:
ส่งเสริมให้ละหมาดทั้งบุรุษและสตรี
ดังปรากฏในหะดีษว่า
ท่านหญิงอาอิชะฮฺ และอัสมาอ์ ละหมาดสุริยุปราคาพร้อมกับท่านเราะสูล
ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม
[บันทึกโดยบุคอรี 1053]
ประเด็นที่เก้า:
ประกาศเรียกผู้คนให้มาร่วมละหมาด
ส่งเสริมให้ป่าวประกาศเรียกผู้คนให้มาร่วมทำการละหมาดพร้อมกันที่มัสยิด
ตามหลักฐานรายงานจากท่าน อับดุลลอฮฺ บิน อัมรฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุมา กล่าวว่า
“เมื่อเกิดสุริยุปราคาขึ้นในสมัยท่านเราะสูล
ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ก็มีการประกาศเรียกว่า: إنّ الصَّلاةَ
جَامِعَةٌ
(จงมาละหมาดร่วมกันเป็นญะมาอะฮฺเถิด)” [บันทึกโดยบุคอรี 1045 และมุสลิม 910]
และมีรายงานจากท่านหญิงอาอิชะฮฺ
เราะฎิยัลลอฮุอันฮา กล่าวว่า
“เกิดสุริยุปราคาขึ้นในสมัยท่านเราะสูล
ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ท่านจึงให้คนประกาศว่า الصَّلاةَ جامِعَةً
ผู้คนจึงรวมตัวกัน และตั้งแถวข้างหลังท่าน แล้วท่านก็นำพวกเขาละหมาด” [บันทึกโดย
อันนะสาอีย์ 1464 และอบูดาวุด 1190]
ประเด็นที่สิบ:
ไม่มีอะซานหรืออิกอมะฮฺ
ท่านอิบนุ
กุดามะฮฺ เราะหิมะฮุลลอฮฺ กล่าวว่า
“การละหมาดกุสูฟนั้นไม่ต้องมีอะซานหรืออิกอมะฮฺ
เพราะท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้ทำการละหมาดกุสูฟ
โดยปราศจากการอะซานหรืออิกอมะฮฺ
และเนื่องจากเป็นการละหมาดที่นอกเหนือจากละหมาดฟัรฎฺทั้งห้า
จึงคล้ายกับการละหมาดสุนัตทั่วไป” [อัลมุฆนีย์ 3/323]
ท่านอิบนุ
ดะกีก อัลอีด เราะหิมะฮุลลอฮฺ กล่าวว่า
“บรรดาอุละมาอ์ต่างมีความเห็นพ้องกันว่า
การละหมาดกุสูฟนั้น ไม่มีอะซานหรืออิกอมะฮฺ” [ฟัตหุลบารีย์ 2/533]
ประเด็นที่สิบเอ็ด:
วิธีละหมาดกุสูฟและคุสูฟ
มีรายงานหลายบทที่ระบุถึงวิธีการละหมาดกุสูฟ
ซึ่งพบว่าแต่ละรายงานมีความแตกต่างกันบ้างในรายละเอียดบางส่วน
แต่รายงานที่มีน้ำหนักมากที่สุด และเป็นทัศนะของอุละมาอ์ส่วนใหญ่
คือรายงานที่มีบันทึกในบุคอรี (1044,1047,1050,1056) และมุสลิม (901)
โดยระบุถึงขั้นตอนการละหมาดที่อาจสรุปได้ดังต่อไปนี้
ร็อกอัตแรก
1- ตักบีรฺเข้าสู่การละหมาด
2- อ่านดุอาอ์อิสติฟตาหฺ
3- กล่าวอะอูซุบิลลาฮฺ และบิสมิลลาฮฺ
4- อ่านฟาติหะฮฺ ตามด้วยสูเราะฮฺที่มีความยาว
(ตามแต่ความสามารถ)
5- กล่าวตักบีรฺ แล้วก้มรุกูอฺให้นาน
และอ่านดุอาอ์รุกูอฺ
6- เงยขึ้น กล่าวสะมิอัลลอฮุ
ลิมันหะมิดะฮฺ และ ร็อบบะนา วะละกัลหัมดฺ
7- จากนั้นให้อ่านฟาติหะฮฺอีกครั้ง
ตามด้วยสูเราะฮฺที่มีความยาว แต่ให้สั้นกว่าสูเราะฮฺที่อ่านในครั้งแรก
8- กล่าวตักบีรฺ
แล้วก้มรุกูอฺให้นานอีกครั้ง แต่ให้สั้นกว่ารุกูอฺครั้งแรก
9- เงยหน้าขึ้นพร้อมกล่าวสะมิอัลลอฮุลิมันหะมิดะฮฺ/ร็อบบะนาวะละกัลหัมดฺ
แล้วให้ยืนตรงนานพอกับการรุกูอฺ
10- จากนั้นกล่าวตักบีรฺ แล้วลงสุญูด
ให้นานพอกับรุกูอฺ
11- กล่าวตักบีรฺ แล้วเงยขึ้นนั่งระหว่างสองสุญูด
โดยให้นั่งนานพอกับสุญูด
12- กล่าวตักบีรฺ แล้วสุญูดอีกครั้ง
แต่ให้นานน้อยกว่าสุญูดครั้งแรก
13- กล่าวตักบีรฺ
แล้วลุกขึ้นยืนละหมาดร็อกอัตที่สอง
ร็อกอัตที่สอง
14- ให้ปฏิบัติเหมือนร็อกอัตแรก กล่าวคือ
อ่านฟาติหะฮฺ+สูเราะฮฺ 2 ครั้ง, รุกูอฺ 2 ครั้ง และสุญูด 2
ครั้ง โดยที่ให้การอ่านสูเราะฮฺ การรุกูอฺ และการสุญูด ในครั้งที่ 2 นั้นสั้นกว่าครั้งแรก
15- จากนั้นจึงนั่งตะชะฮุด
16- แล้วจึงให้สลาม
ทั้งนี้
มีรายงานหะดีษที่ระบุถึงวิธีละหมาดกุสูฟ ประมาณ 6 รูปแบบด้วยกัน คือ
1. ใช้ให้ละหมาดโดยมิได้ระบุวิธีการ
2. ละหมาด 2 ร็อกอัต เฉกเช่นการละหมาดปกติทั่วไป
3. ละหมาด 2 ร็อกอัต ด้วย 4 รูกูอฺ และ 4 สุญูด (แต่ละร็อกอัต 2 รุกูอฺ+2 สุญูด)
4. ละหมาด 2 ร็อกอัต ด้วย 6 รุกูอฺ และ 4 สุญูด (แต่ละร็อกอัต 3 รุกูอฺ+2 สุญูด)
5. ละหมาด 2 ร็อกอัต ด้วย 8 รุกูอฺ และ 4 สุญูด (แต่ละร็อกอัต 4 รุกูอฺ+2 สุญูด)
6. ละหมาด 2 ร็อกอัต ด้วย 10 รุกูอฺ และ 4 สุญูด (แต่ละร็อกอัต 5 รุกูอฺ+2 สุญูด)
ซึ่งก็เกิดปัญหาว่า
ในสมัยท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม นั้นเกิดสุริยุปราคากี่ครั้ง?
ฝ่ายหนึ่ง
เห็นว่าเกิดหลายครั้ง เพราะฉะนั้นรายงานที่แตกต่างกันข้างต้น
ก็สามารถเข้าใจได้ว่าท่านนบีทำไว้หลายแบบ เราจึงเลือกทำแบบใดแบบหนึ่งก็ได้
แต่อีกฝ่ายหนึ่ง
เห็นว่าเกิดเพียงครั้งเดียว คือในวันที่อิบรอฮีมบุตรชายของท่านนบี
ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม เสียชีวิต ฝ่ายนี้จึงใช้วิธีตัรญีหฺ (ให้น้ำหนัก)
หะดีษเพียงบทเดียวซึ่งมีน้ำหนักมากที่สุดจากสายรายงานต่างๆ
นั่นคือหะดีษซึ่งระบุขั้นตอนการละหมาดตามที่ได้นำเสนอไปแล้วข้างต้น
เพราะเมื่อท่านละหมาดเพียงครั้งเดียวก็เป็นไปไม่ได้ที่จะมีวิธีการละหมาดที่หลากหลายเช่นนั้น
วัลลอฮุอะลัม
ประเด็นที่สิบสอง:
อ่านเสียงดังหรือเบา?
อุละมาอ์มีทัศนะที่แตกต่างกัน
ว่าการละหมาดสุริยุปราคานั้น ให้อ่านเสียงดังหรือค่อย?
ซึ่งทัศนะที่น่าจะมีน้ำหนักมากกว่า
(วัลลอฮุอะลัม) คือ ทัศนะที่เห็นว่าให้อ่านดัง
ไม่ว่าจะเป็นละหมาดกุสูฟที่เกิดในช่วงกลางวัน หรือคุสูฟในเวลากลางคืน
โดยมีหลักฐานคือรายงานจากท่านหญิงอาอิชะฮฺ เราะฎิยัลลอฮา กล่าวว่า
“ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม
อ่านเสียงดังในละหมาดคุสูฟ” [บุคอรี 1065 และมุสลิม 901]
และเหตุผลอีกข้อหนึ่งก็คือ
การละหมาดกุสูฟนั้นเป็นการละหมาดสุนัตที่ส่งเสริมให้กระทำในรูปญะมาอะฮฺ
ซึ่งการละหมาดที่มีลักษณะดังกล่าวนั้นสุนัตให้อ่านดัง
เหมือนกับในกรณีของละหมาดขอฝน ละหมาดอีด หรือละหมาดตะรอวีห์ [อัลมุฆนีย์ 3/326]
อิบนุลมุนซิร
เราะหิมะฮุลลอฮฺ กล่าวว่า
“และเราได้รายงานทัศนะนี้จากท่านอะลี
บิน อบีฏอลิบ, อับดุลลอฮฺ บิน ยะซีด, ซัยด์ บิน อัรฺก็อม, อัลบะรออ์ บิน อาซิบ, และมันเป็นทัศนะของอะหฺมัด, อิสหาก, อบูยูสุฟ, รายงานหนึ่งจากมุหัมมัด บิน หะสัน และดาวุด” [อัชชัรหุลมุมติอฺ 5/241]
และยังเป็นทัศนะของอิบนุคุซัยมะฮฺ, อิบนุลอะเราะบี, อิบนุตัยมิยะฮฺ และอิบนุลก็อยยิม
เราะหิมะฮุมุลลอฮฺอีกด้วย
ส่วนอิหม่ามอบูหะนีฟะฮฺ
มาลิก และชาฟิอีย์ มีทัศนะว่า กรณีของละหมาดคุสูฟ (จันทรุปราคา)
ให้อ่านดังเพราะเป็นการละหมาดในเวลากลางคืน ส่วนละหมาดกุสูฟ (สุริยุปราคา)
ให้อ่านค่อย เพราะอิบนุอับบาส กล่าวว่า “ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยวะสัลลัม
ได้ละหมาดกุสูฟ และพวกเราไม่ได้ยินเสียงการอ่านของท่าน” [อะหมัด และอัลบัยฮะกีย์ แต่อิบนุหะญัรระบุว่าเป็นสายรายงานที่อ่อน]
ส่วนเหตุผลทางปัญญาของทัศนะนี้คือ
การละหมาดกุสูฟเป็นการละหมาดญะมาอะฮฺในช่วงกลางวัน
จึงคล้ายกับละหมาดฟัรฎฺในเวลากลางวัน จึงสุนัตให้อ่านค่อย วัลลอฮุอะลัม
ประเด็นที่สิบสาม:
คุฏบะฮฺหลังละหมาด
หะดีษเศาะฮีหฺหลายบทได้ระบุว่าส่งเสริมให้มีการกล่าวคุฏบะฮฺหลังละหมาด
เช่น
“หลังจากที่ท่านนบี
ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม เสร็จสิ้นจากการละหมาดแล้ว ท่านได้ลุกขึ้น (บนมินบัรฺ)
แล้วกล่าวคุฏบะฮฺ…”
[บันทึกโดยบุคอรีและมุสลิม]
“แล้วท่านก็อ่านคุฏบะฮฺ
โดยท่านกล่าวสรรเสริญอัลลอฮฺ ด้วยถ้อยคำที่เหมาะสมกับพระองค์
แล้วท่านก็กล่าวว่าอัมมาบะอฺด์” [บันทึกโดยบุคอรี 1053 และ 1061]
หลังจากนั้นท่านก็กล่าวตักเตือน
สั่งสอนเศาะหาบะฮฺ
ซึ่งดังกล่าวนี้
เป็นทัศนะของอิหม่ามชาฟิอีย์ เราะหิมะฮุลลอฮฺ
ส่วนอิหม่ามอีกสามท่านคือ
อบูหะนีฟะฮฺ มาลิก และอะหมัด มีทัศนะว่าไม่มีคุฏบะฮหลังละหมาดสุริยุปราคา
โดยยึดอีกหะดีษหนึ่งซึ่งไม่มีระบุการอ่านคุฏบะฮฺ มีเพียง
“เมื่อพวกท่านเห็นปรากฏการณ์ดังกล่าว ก็จงขอดุอาต่ออัลลอฮฺ กล่าวตักบีร ละหมาด
และบริจาคทาน” [บันทึกโดยบุคอรีและมุสลิม]
วัลลอฮุอะอฺลัม
อัสรัน
นิยมเดชา / รวบรวมและเรียบเรียง
[1] โดยทั่วไปมักใช้คำว่า ‘กุสูฟ’
สำหรับสุริยุปราคา และ ‘คุสูฟ’ สำหรับจันทรุปราคา
แต่ทั้งสองคำนี้ก็อาจใช้แทนกันได้ โดยใช้กุสูฟสำหรับจันทรุปราคา
หรือคุสูฟสำหรับสุริยุปราคาก็ได้
ที่มา
https://www.facebook.com/notes/abu-zulfa-sulaimani/%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%8D%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%B2/10153451575081538